Search

วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การใช้ Fill Command และ Auto Fill ใน Excel

การใช้ Fill Command & Auto Fill ใน Excel

ใน Editing menu ภายใต้ เมนู Home มีคำสั่งอัตโนมัติต่างๆ เช่น Auto Sum, Fill command, Clear และคำสั่งอื่นๆที่จะกล่าวถึงก็คือ คำสั่ง Fill command เป็นรูปลูกศร และ Clear ซึ่งเป็นรูปยางลบ

Auto Fill button and Clear button in Editing menu




Auto fill menu

การทำงานของคำสั่งแต่ละตัวใน Fill Command


Down - Fill down คัดลอกข้อมูลลงด้านล่าง(Ctrl+D)
Right - Fill right คัดลอกข้อมูลไปทางขวา(Ctrl+R)
Up - Fill up คัดลอกข้อมูลไปทางเซลล์ด้านบน  
Left - Fill left เติมข้อมูลที่เหมือนกันไปทางขวา 

การทำงานของ Fill Command มีความหลากหลายโดยจะแยกเป็นเรื่องๆ ดังนี้

Using fill command to fill number from 1-2000
Fill number, ใส่ตัวเลขจาก 1 ถึง 2000
  1. เลือกเซลล์ใดๆ แล้วใส่เลข 1  
  2. เข้าเมนู Editing เลือก Series (รูปข้างบน) 
  3. ใต้หัวข้อ Series in เลือก columns, Type เลือก Linear
  4. Step value ใส่ 1, Stop value ใส่ 2000 จากนั้น ok
  5. ถ้าเลือก Series in เป็น Rows ตัวเลขจะถูกเพิ่ม (Fill) ไปทางขวาตามแถว


Using Auto command to fill running date in excel column

Fill Date เติมวันที่ด้วย Fill Command
  1. เลือกเซลล์ใดๆ ใส่วันที่เริ่มต้น ตามรูป 
  2. คลุมพื้นที่ที่ต้องการเพิ่ม(แนวคอลัมท์หรือแถวก็ได้ แล้วเข้า Fill Command
  3. คลิกเครื่องหมายถูกที่ Trend จากนั้น ok
  4. การทำงานส่วนหัวข้อ Date unit
    • Day - เรียงวันที่
    • Weekday - เรียงเฉพาะจันทร์-ศุกร์
    • Month - เรียงเดือน
    • Year - เรียงปี
  5. ถ้าจะเปลี่ยน Date unit ทำโดยคลุมพื้นที่ของวันที่ทั้งหมดแล้วเข้า Fill Command อีกครั้ง จากนั้นเลือก Date unit ที่ต้องการ


Using auto fill to fill down selected formula

Auto Fill เติมข้อมูลอัตโนมัติ
  1. คลุมพื้นที่เซลล์ใดๆ ตั้งแต่เซลล์ที่มีข้อมูลตัวแรกในการเพิ่มข้อมูล (แนวคอลัมท์หรือแถวก็ได้แล้วเข้าคำสั่ง Fill Command ตามรูป 
  2. ใต้ Type เลือก Auto Fill จากนั้น ok
  3. Auto Fill ใช้ได้ทั้งสูตร, ตัวเลข, ตัวอักษร
  4. คุณสมบัติเหมือนการคัดลอก

นอกจากนี้ใน Excel ก็สามารถใช้ auto fill ด้วยการลากเม้าส์ ตามแนวคอลัมท์(columns) หรือแถว(rows) ในแผ่นงาน(worksheet) Excel จะแสดงเครื่องหมาย Auto fill options (ในสี่เหลี่ยมสีแดง) ที่เซลล์ปลายทางเสมอ ซึ่งเราสามารถกำหนด options ต่างๆ ได้จากตรงนี้เช่นกัน

วีดีโอแสดงการใช้ Fill command เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รถโดยสารแห่งอนาคต ยานยนต์ไร้คนขับ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Ultra pod ยานยนต์สีเขียวแห่งอนาคต ไร้คนขับ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

รูปลักษณ์ภายนอกของยานยนต์สีเขียว Ultra Pod มีความโค้งมนแนวรถแห่งอนาคต สีสันขึ้นอยู่กับการเลือกตกแต่งของการใช้งานแต่ละสถานที่ ประตูเป็นไฟฟ้ามีทั้งแบบด้านเดียวหรือสองด้าน




Ultra Pods of Ultra Global Prt in  Heathrow Airport, England
ภายใน pod เป็นห้องโล่ง แบ่งเป็นที่นั่งผู้โดยสารสำหรับผู้ใหญ่ 4 ที่นั่ง หันหน้าเข้าหากันคือหันไปทางด้านหน้า 2 หันไปทางด้านหลัง 2 และ โถงกลางเพื่อวางสัมภาระการเดินทางซึ่งส่วนนี้ยังรองรับผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์, รถเข็น จนถึงจักรยาน
Passenger in Ultra Pod
ด้วยการสื่อสารไร้สายแบบ 2-way ที่รองรับการแลกเปลี่ยนคำสั่งตัวยานพาหนะกับส่วนควบคุมกลาง และการสื่อสารระหว่างผู้โดยสารกับทีมควบคุมระบบ Ultra Pod จึงเหมือนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยไม่ต้องขับรถเอง

เริ่มต้นเดินทางกับ Ultra Pod ด้วยการกำหนดจุดหมายปลายทางผ่านจอทัชสกรีนเพื่อส่งข้อมูลไปส่วนควบคุมคอมพิวเตอร์ ประตูไฟฟ้าจะเปิดออกให้เข้าด้านในและกดปุ่ม Start ภายใน Pod เพื่อออกรถ
Set your destination with computer
คอมพิวเตอร์ส่วนกลางจะประมวลผลและควบคุมการเดินรถให้ไปในเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาทีกับระยะทาง 1.9 กิโลเมตร ระบบของ Ultra pod เป็นการเดินทางแบบ non-stop เดินทางรอบเดียวถึงจุดหมายโดยไม่พักระหว่างทาง

ด้วยแนวคิดของการขนส่งรูปแบบใหม่ Pod จึงเป็นยานพาหนะสีเขียวที่ไร้คนขับ ถูกสร้างขึ้นจากส่วนประกอบอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อให้แก้ปัญหาการขนส่งได้ อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อถือได้ในความปลอดภัย

Ultra Pod แต่ละคันจะมีทีมงานดูแลจากควบคุมคอมพิวเตอร์ส่วนกลางผ่านกล้องวงจรปิด

Ultra pods on guideways
เพราะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นตัวขับเคลื่อน จึงไม่จำเป็นต้อง ใช้สายไฟฟ้า หรือรางไฟฟ้า แล่นด้วยยางรถยนต์บนเส้นทางที่ได้กำหนดไว้ (special-purpose guide-way) ทำให้ประหยัดได้สามเท่าเมื่อเทียบกับการใช้รางรถไฟฟ้าปกติ

ใช้ช่องทางวิ่งไปและกลับรวมสองช่องทาง มีรัศมีวงเลี้ยว 5m. หรือ 16 ฟุต จึงสามารถแล่นไปตามทางเส้นทางที่ซับซ้อนได้ ด้วยโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา, การทำงานที่ค่อนข้างเงียบ การสั่นสะเทือนจากภายนอกน้อยหรือไม่มีเลย และสำคัญที่สุดคือการปล่อยมลพิษเท่ากับศูนย์

Ultra Station that dispatch Pods


สถานี (Ultra station) แต่ละสถานีรองรับ Ultra Pod ได้มากถึง 100-120 คันต่อชั่วโมง เทียบเป็นเวลาต่อคันแล้วน้อยมาก ซึ่งหมายถึงว่าสถานีเล็กๆ แต่ละแห่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้เป็นจำนวนมาก

Under construction of Guideway

และการติดตั้งทางเดินรถหรือ Guideway นั้นใช้เวลาน้อย เพราะเป็นวัสดุที่น้ำหนักเบา แต่ละส่วนสามารถถอดแยกชิ้นส่วนได้ทั้งนี้เพื่อความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง อีกทั้ง Guideway ของ Ultra ไม่มีระบบไฟฟ้า จึงต้องการบำรุงรักษาไม่มาก และมีความยืดหยุ่นสูงเพราะสามารถสร้างบนพื้น,ใต้ดิน หรือ ยกสูง
Guide way in business area

อดัม รูดเดิล หัวหน้าหน่วยวิศวกรรมยานพาหนะของ Ultra Global Prt กล่าวว่า แบตเตอรี่ที่ใช้กับ Ultra Pod ผลิตในสเปนซึ่งเป็นแหล่งผลิตอยู่แล้ว เครื่องยนต์ที่ปกติผลิตสำหรับ รถไฟฟ้ามาจากอิตาลี ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลางจะควบคุมเส้นทางการเดินรถของ Pod และคำนวณระยะทางที่ Pod วิ่งบนพื้นถนนโดยไม่ใช้ราง ด้วยจำนวนการหมุนของล้อ และยังมีเซนเซอร์ที่วัดระยะระหว่างรถกับขอบถนนทั้งสองข้าง

ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่ของ Utra pod จึงสร้างภาพลักษณ์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่พื้นที่ไม่กว้างนักได้เป็นอย่างดี รวมถึงการใช้พลังงานที่ต่ำ และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
Ultra Pods ultrapods Vehicle Seating Ultra pods are ideal for freight transportation conversion
เป็นการเดินทางสาธารณะด้วยรถแท็กซี่ แต่ส่วนตัวกว่าตรงที่ไม่มีคนขับ ไม่ต้องรอ ไปพร้อมกันได้สี่คนพร้อมสัมภาระไม่ต้องพะวงเรื่องรถติด ดีกว่ารถไฟฟ้าตรงที่ไม่มีการจอดแวะรับผู้โดยสารเพิ่ม ไม่ต้องไปแออัดกับใครและสามารถให้บริการได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งตัวบอดี้ของ Pod ยังรองรับการปรับใช้ในการขนส่งสินค้าได้อีกด้วย

สถานที่ที่ใช้บริการของ Ultra Pods Prt

Heathrow Airport, England

Ultra pods at Heathrow Airport
ที่ Heathrow Airport, England เป็นแห่งแรกที่ใช้ระบบ Ultra Pod ให้บริการผู้โดยสาร 800 คนต่อวันโดยเชื่อมโยงจุดสำคัญระหว่างลานจอดรถ T5 Park กับ Terminal ด้วยระบบโครงสร้างที่มีขนาดเล็กของ Heathrow pod ช่วยให้มันลงตัวภายใต้ข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานที่สนามบินได้เป็นอย่างดี เป็นการเดินรถทางเดียวด้วยจำนวน Pod 21 คัน ระยะทางเดินรถ 3 สถานี รวม 3.8 kms สองสถานีในลานจอดรถ T5 และหนึ่งสถานีในอาคารผู้โดยสาร 5

Amritsar, India

Amritsar, India เป็นที่ตั้งของ Golden Temple สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวซิกข์ รวมถึงสถานที่ทางประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นมรดกทางศาสนาและวัฒนธรรม มีผู้คนจำนวนมากไปศักการะและเยี่ยมชมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลและวันสำคัญที่มีกิจกรรมทางศาสนา ผู้แสวงบุญแห่แหนไปยังพื้นที่อาจสูงถึง 100,000 คน/วัน

ซึ่ง Ulra Pod ของระบบขนส่งของ PRT ใน Amritsar, India มีมากกว่า 200 คัน รองรับ 7 สถานี ระยะทาง 8 km/4.8 mile ช่วยบรรเทาความแออัด และสามารถลดเวลาการเดินทางลงได้มาก


จุดประสงค์ของเส้นทาง PRT นี้เพื่อรับผู้โดยสารจากสถานีรถไฟและผู้โดยสารจากรถบัสไป Golden Temple ซึ่งสามารถรองรับผู้ใช้บริการราว 35% ต่อวัน ลดเวลาการเดินทางลง 30 นาที


การสัญจรที่สะดวกขึ้นและค่าโดยสารที่สามารถแข่งขันได้กับการใช้รถแท็กซี่่่หรือสามล้อเครื่อง และยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว ที่อยู่ไกลออกไปได้มากขึ้น ให้บริการทุกวัน 4.00 น.- 24.00 น.


credit:
http://www.ultraglobalprt.com

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ทำ Subtotal ใน Excel Worksheet

Subtotal

คือผลรวมย่อย ซึ่งฟังก์ชัน SUBTOTALจะส่งกลับผลรวมย่อยของรายการหรือฐานข้อมูล

SUBTOTAL(function_num, ref1, ref2, ...)

  • function_num คือตัวเลข 1 ถึง 11 ที่ใช้เพื่อให้ Subtotal คืนค่าที่คำนวณในฐานข้อมูล


    1. ค่าเฉลี่ย
    2. นับจำนวน
    3. COUNTA นับจำนวนเซลล์
    4. ค่ามากที่สุด
    5. ค่าน้อยที่สุด
    6. ผลคูณ
    7. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
    8. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของประชากร
    9. ผลรวม
    10. ค่าความแปรปรวน
    11. ค่าความแปรปรวนของประชากร

  • ref1, ref2 ... คือ 1-254 การอ้างอิงเพื่อให้ฟังก์ชันหาผลรวมย่อยในข้อมูล
ถ้ากำหนดค่า function_num เท่ากับ 1, Subtotal จะหาค่าเฉลี่ยของค่าอ้างอิงคือ ref1- ref สุดท้ายที่ถูกกำหนดไว้ และถ้า function_num เป็น 9 ก็จะเป็นการหาผลรวมของเงื่อนไข ref ทั้งหมด ซึ่ง function_num ที่ใช้กันบ่อยคือ การหาผลรวม (9), หาค่าเฉลี่ย(1), นับจำนวน(2), หาค่ามากที่สุด (4), หาค่าน้อยที่สุด(5)

ตัวอย่างการใช้งาน Subtotal
  1. สมมุติให้มีข้อมูล 3 ส่วน D1-D3 แต่ละส่วนมีข้อมูล 5 รายการ 
  2. และใช้ Subtotal ให้คืนค่าดังนี้
    • ผลรวม -subtotal(9,(A2:A5))
    • ค่าเฉลี่ย -subtotal(1,(A2:B5))
    • ค่ามากที่สุด - subtotal(4,(A2:C5))
    • และค่าน้อยที่สุด - subtotal(5,(A2:C5))
  3. เพื่อให้ใช้งานได้ยืดหยุ่นขึ้นโดยกำหนดให้ตำแหน่ง function_num เป็นเซลล์ใดๆ ตามตัวอย่างของแถวที่ 7 ซึ่งกำหนดให้ B7 เป็นเลข 9 แล้วให้สูตรดึงค่าจาก B7 มากำหนดค่า function_num
ABCDD
1 D1D2D3 การใช้ Function SUBTOTAL ผลลัพท์
21003090 =subtotal(9,(A2:A5)) 350.00
31013050 =subtotal(1,(A2:B5)) 76.25
420020110 =subtotal(4,(A2:C5)) 250.00
54080250 =subtotal(5,(A2:C5)) 10.00
6
7 9 =subtotal(B7,(B2:C5)) 760.00

นอกจากการใช้ฟังก์ชันหาผลรวมย่อย ใน Excel ยังมีการใช้ Subtotal รูปแบบอัตโนมัติที่แทรกผลรวมย่อยลงในรายการได้เลย

Data Tab in Excel Menu
Subtotal in Outline Menu under Data Tab
  1. เริ่มต้นใช้ Subtotal โดยไปที่เมนูแทป Data เลือก Outline (เค้าร่าง)
  2. Excel จะแสดงกล่องโต้ตอบ Subtotal ในแต่ละหัวข้อต้องกำหนดเงื่อนไขเพื่อให้ Subtotal คืนค่าตามแบบที่ต้องการ
    • At each change in: เลือกคอลัมท์ที่ต้องการจัดกลุ่ม ในที่นี้เป็น Category
    • Use function: เลือกใช้ฟังชันก์ใดฟังก์ชันหนึ่งในกลุ่ม Subtotal
    • Add subtotal to: ต้องการแทรกผลรวมย่อยที่คอลัมท์ใดบ้าง
    • Replace current subtotals แทนที่ผลรวมย่อยเดิม (ถ้ามี)
    • Page break between groups แทรกตัวแบ่งหน้าของแต่ละกลุ่มซึ่งในที่นี้ถ้ากำหนดไว้ เส้นแบ่งหน้าจะแบ่งทุก Category
    • Summary below data ผลรวมของข้อมูลทั้งหมด หรือ Grand total

  3. Choose "Category" at each change in
    Choose "Sum" function to calculate
  4. จากนั้น ok
  5. หน้าตาของเวิร์คชีทจะเปลี่ยนไปโดยเพิ่มพื้นที่ด้านซ้ายขึ้นแยกเป็นสามส่วนโดยที่สามารถคลิกเพื่อดู detail ของรายงานในรูปแบบต่างๆ คือ
    • 1 : เมื่อคลิกที่ 1 ฟังก์ชันจะรวบรายงานเหลือผลของรายงานทั้งหมด Grand total, Grand Average ฯลฯ
    • 2 : รายงานจะแสดงเพียงกลุ่มที่กำหนดไว้ที่ At each change in:
    • 3 : แสดงรายการทั้งหมดที่แสดงผลรวมที่แทรกไว้ด้วย
Data sheet will show only subtotal summary when click 2

สิ่งที่สำคัญสำหรับ Subtotal คือ ข้อมูลของกลุ่มที่ต้องการหาผลรวมย่อยควรเรียงลำดับไว้ให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้ข้อมูลไม่สะเปะสะปะ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว เมื่อผลรวมย่อยออกมาแล้วจะพบว่ากลุ่มข้อมูลซ้ำกันหลายรายการ ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการวิเคราะห์ข้อมูล

after using Subtotal, Data sheet will show all data and summary by click 3

Remove all Subtotal in data sheet ข้อดีของการทำ Subtotal คือสามารถย้อนสู่สภาพเดิมได้ โดยไปที่ Data แทป เลือก Outline ไปที่ Subtotal เหมือนเดิม จากนั้นให้เลือก Remove all


อีกนิดนึงก่อนจบ Excel Worksheet สามารถตั้งให้บอกค่าเฉลี่ย, จำนวนเซลล์, ยอดรวมได้  ทุกครั้งที่เราเลือกพื้นที่เซลล์ โดยการตั้งค่าที่ Customize Status Bar (คลิกเม้าส์ขวาที่ Status Bar)
Useful of Excel Status Bar

อย่างภาพตัวอย่างนี้ เลือกคลุมพื้นที่ของคอลัมท์ Stock level แถวที่ 15 ถึงแถวที่ 21 เมื่อดูที่ Status Bar แสดงค่าเฉลี่ย (average) เท่ากับ 11.85714286 ซึ่งได้จากผลรวม (sum) ของช่วงเซลล์ที่เลือกซึ่งคือ 83 หารด้วยจำนวนเซลล์ (count) ที่มีข้อมูลคือ 7 เซลล์

วีดีโอการใช้ Subtotal ใน Excel Worksheet จะทำให้เข้าใจง่ายขึ้น

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Shortcuts ที่น่าใช้ใน Excel


ใน Excel มี shortcut หรือ คีย์ลัดให้เรียกใช้มากและค่อนข้างครอบคลุมการใช้งานแบบไม่ใช้เม้าส์ แต่ส่วนใหญ่แล้วเราก็มักติดเม้าส์กันเป็นส่วนใหญ่ เพราะสามารถเรียกดูคำสั่งบนเมนูก่อนได้

แต่คีย์ลัดก็คือคีย์ลัด ทำให้งานเร็วขึ้น และลดขั้นตอนการเรียกคำสั่งใช้งานได้เยอะเลย

โดยส่วนตัวชอบใช้ Shortcut ชุดหนึ่งเป็นชุดที่ใช้ได้บ่อยๆ และเป็นชุดที่ต้องพันกับไฟล์งานอยู่แทบทุกไฟล์

คีย์ลัด Shortcut สำหรับไฟล์งาน

Shortcut
การแสดงผลคีย์ลัด(Shortcut)เทียบกับเมนูหลัก
Ctrl
O
เปิดไฟล์งานอื่น, File > Open
Ctrl
N
เปิดสมุดงานใหม่, File > New
Ctrl
S
บันทึกไฟล์งานปัจจุบัน, File > Save
F12
บันทึกไฟล์งานเป็น, File > Save as
Ctrl
F2
ตัวอย่างก่อนพิมพ์, File > Print>Print Preview
Ctrl
F4
ปิดไฟล์งานปัจจุบัน, File > Close
Alt
F4
ปิดไฟล์งานเหมือน Ctrl+F4
Ctrl
W
ปิดไฟล์งานเหมือน Ctrl+F4

keyboard

คีย์ลัด Shortcut สำหรับแผ่นงาน

Shortcut
ผลของคำสั่งคีย์ลัด (Shortcut)
Ctrl
C
คัดลอก(Copy) เมื่อ Enter ที่เซลล์ใดๆ จะเป็นการวางค่า (paste)ที่คัดลอกมา
Ctrl
X
ตัด(Cut) เมื่อ Enter ที่เซลล์ใดๆ จะเป็นการวางค่า (paste) ที่ตัดมา
Ctrl
V
การวาง สามารถวางได้มากกว่า 1ครั้ง (Paste, Multiple Paste)
Ctrl
F
ค้นหา Find ค้นหาค่าในเซลล์ของ Worksheet ปัจจุบัน
Ctrl
H
ค้นหาและแทนที่ Find&Replace ค้นหาค่าใดๆในเซลล์และแทนทีค่าใหม่
Ctrl
A
เลือกพื้นที่เซลล์ปัจจุบันทั้งหมด Select all กด ครั้งที่สองจะเลือกทั้งแผ่นงาน
Ctrl
Shift
* 8
เหมือน Ctrl+A แต่ต้องกด Ctrl, Shift, * พร้อมกัน
Ctrl
Shift
Spacebar
เหมือน Ctrl+A
Ctrl
Shift
End
เลือกเซลล์ปัจจุบันถึงขอบเขตเซลล์ที่ใช้งานอยู่
F8
ล็อกเซลล์หรือพื้นที่เซลล์
Ctrl
ลูกศร
ไปขอบเขตข้อมูลก่อนเซล์ว่าง ใช้รวมกับ F8 จะคล้าย Ctrl+Shift+End
F9
สั่งคำนวณแผ่นงาน ใช้เมื่อกำหนดให้การคำนวณเป็น manual
Ctrl
Home
ไปจุดเริ่มต้นของแผ่นงานหรืออาจจะไปที่ A1
Ctrl
End
ไปมุมล่างขวาสุดของแผ่นงาน Worksheet
Ctrl
Y
ทำซ้ำคำสั่งสุดท้าย Redo
Ctrl
Z
ยกเลิกคำสั่งสุดท้าย, เลิกทำหรือย้อนกลับ Undo
Ctrl
! 1
แสดงกล่องโต้ตอบ การจัดรูปแบบเซลล์ Format cell

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การแทรกวันที่และเวลาใน Excel

การแทรกวันที่หรือเวลาแบบคงที่ Static Date


  • แทรกวันที่ปัจจุบัน ด้วย CTRL+;
  • กดคีย์ Ctrl และคีย์ตัว ;พร้อมกัน (เซมิโคลอน (;) เป็นคีย์เดียวกับอักษรไทยตัว ว แหวน หรือ ตัว ซ โซ่)

  • แทรกเวลาปัจจุบันด้วย CTRL+SHIFT+;
  • กดคีย์ Ctrl , คีย์ Shift และ คีย์ ตัว ; พร้อมกัน
นอกจากนี้หากจะแทรกทั้งวันที่กับเวลาในเซลล์เดียวกันก็ได้ โดยเมื่อกด CTRL+; แล้วให้เคาะ spacebar เพื่อเว้นวรรค แล้วต่อด้วยการกด CTRL+SHIFT+;

Excel's shortcut to insert static date and time

การแทรกวันที่หรือเวลาแบบเปลี่ยนแปลงอัตโนมัติ Active Date

งานนี้มีฟังก์ชันที่ทำงานนี้ได้อยู่สองฟังก์ชัน คือฟังก์ชัน TODAY และ ฟังก์ชัน NOW
  • แทรกวันที่ด้วยฟังก์ชัน TODAY()
  • จะส่งกลับวันที่ปัจจุบัน และจะเปลี่ยนไปตามวันที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์

  • แทรกวันที่ด้วยฟังก์ชัน NOW()
  • จะส่งกลับวันที่และเวลาปัจจุบัน แต่เวลาที่แสดงจะเป็นเวลาขณะที่ใส่ฟังก์ชันเท่านั้น ฟังก์ชัน Now ไม่ได้ update ตลอดเวลา และจะเปลี่ยนแปลงเมื่อแผ่นงานมีการคำนวณหรือมีการเรียกใช้ฟังก์ชัน
    รุปแบบฟังก์ชันผลการใช้ฟังก์ชัน
    =TODAY()9/12/2012
    =NOW() 9/12/2012 21:17

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ข้อดีกับข้อเสียของเครื่องพิมพ์ Brother HL 2240D

จุดเด่นหรือข้อดีของ Brother HL 2240D

  1. Brother HL2250D เป็น โมโนเลเซอร์พริ้นเตอร์ (Mono Laser Printer) ในกลุ่มขนาดเล็กที่พิมพ์สองหน้าอัตโนมัติได้ (Duplex) อีกทั้งยัง set รูปแบบของ Duplex ได้อีก 4 แบบด้วยกัน

    Set duplex type to Long Edge(Left)

    Set Duplex type to Short Edge(top)
  2. ตัวอักษรที่ได้จากการพิมพ์ด้วย HL2240D ให้เส้นคมบาง,ไม่เข้ม,ไม่ดำเกินไป อ่านง่ายสบายตา
  3. มีหน่วยความจำในตัวพรินเตอร์ ซึ่งทำให้ตอบสนองคำสั่งพิมพ์ได้ค่อนข้างเร็วและไม่ทำให้หน้างานบนคอมพิวเตอร์ช้าลงเพราะถูกแชร์ memory
  4. เครื่องพรินเตอร์ที่มีราคาถูก มักมาคู่กับ ตลับหมึก (Toner) และ ลูกดรัม (Drum) ที่ราคาแพงแต่สำหรับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ Brother รุ่นนี้ทั้งตลับหมึกกับลูกดรัมราคาไม่สูงเกินไปนักและมีให้เลือกตามการใช้งาน
    • พิมพ์มากใช้โทนเนอร์ TN-2280 ราคา 1,900++ พิมพ์ได้ 2,600แผ่น
    • พิมพ์น้อยใช้โทนเนอร์ TN-2260 ราคา 1200++ พิมพ์ได้ 1200 แผ่น
    • ตลับลูกดรัม DR-2255 ราคา 1,800++ เปลี่ยนเมื่อใช้ไป 12,000 แผ่น

  5. ปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ ถ้าพิมพ์ Duplex จะใช้กระดาษใหม่่ของแบรนด์ A สองตัว ส่วนถ้าพิมพ์หน้าเดียวมักใช้กระดาษรียูส แต่ยังไม่เจอปัญหากระดาษถูกฟีดออกมาเป็นปึกหลายๆแผ่น
  6. Brother HL2240D มีขนาดไม่ใหญ่รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสน้ำหนัก 6 กิโลฯ เบากว่าเครื่องรุ่นเดียวกันหลายๆ ตัว
  7. เคลื่อนย้ายสะดวก เคยใส่ถุงวางตะแคงเก็บไว้ในรถ เมื่อจะใช้งานก็ดึง Toner มาเขย่าซ้ายขวาเบาๆก่อนพิมพ์ ก็ไม่มีปัญหากับการพิมพ์แต่อย่างใด

  8. เครื่องพริ้นเตอร์ HL2240D ของ Brother รุ่นนี้ระบายความร้อนได้ดีขณะใช้งานเครื่องไม่ร้อนมากเหมือนบางแบรนด์
  9. เป็นเครื่องพริ้นเตอร์ที่ราคาไม่แพงและ การที่ไม่ค่อยเปลี่ยนรุ่น ทำให้หาซื้อตลับหมึกหรือลูกดรัมได้ทั่วไป

Basic setting of printer Brother HL2240D

จุดด้อยหรือข้อเสียของ Brother HL 2240D

  1. เครื่องพิมพ์ HL 2240D มีงานหลักคือพิมพ์เท่านั้น ไม่มีออฟชั่นอื่นๆ
  2. ด้วยคุณสมบัติของBrother HL2240D ที่พิมพ์ได้เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบราคากับพรินเตอร์เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นบางแบรนด์ถือว่าราคาไม่ถูก และถ้าเปรียบเทียบกับมัลติฟังก์ชั่นอิงค์เจ็ทนี่เรียกว่าราคาแพงกันเลยทีเดียว

  3. เป็น Mono Laser Printer ทำให้พิมพ์ได้สีเดียวคือสีดำ
  4. เครื่องพรินเตอร์รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเร็วในงานพิมพ์และมีปริมาณงานพิมพ์มากระดับหนึ่ง เช่น งานเอกสารในสำนักงาน
  5. Brother HL 2240D ไม่มี wifi ไม่มี bluetooth เป็นเครื่องธรรมดาๆ จริงๆ

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

สิ่งแรกที่ควรรู้เกี่ยวกับการเสียภาษีเงินได้ตามกฎหมายคือเงินได้พึงประเมินมีอะไรบ้าง

"เงินได้พึงประเมิน"

คือ เงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือ เงินได้ที่เกิดขึ้นในปีภาษีได้แก่


  1. เงินที่ได้รับจริง
  2. ทรัพย์สินซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน เช่น ที่ดินมรดก
  3. ประโยชน์ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน เช่น ได้รางวัลไปต่างประเทศจากบริษัทจะถูกคำนวณเป็นเงินและรวมในรายได้
  4. เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้
  5. เครดิตภาษีตามที่กฎหมายกำหนด
ปีภาษีใดๆ คือวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม

หากเงินได้เกิดขึ้นในปีใดก็ให้ยื่นแบบแสดงรายการในปีนั้นและต้องยื่นแบบฯ ให้ทันภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไปซึ่งปกติยื่นปีละครั้ง

ยกเว้นเงินได้บางลักษณะที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการสำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นใน 6 เดือนแรก ตอนกลางปีให้ทันภายในเดือนกันยายน ของทุกปี เช่น การให้เช่าทรัพย์สิน,เงินได้จากวิชาชีพอิสระ, การรับเหมา, ธุรกิจ การพาณิชย์

และกฎหมายแบ่งผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ฯ ออกเป็นหน่วย เรียกว่า "หน่วยภาษี" ดังนี้

  1. ผู้มีรายได้เป็นบุคคลธรรมดาใครก็ตามที่มีรายได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือ คนชรา,คนไทยหรือชาวต่างชาติ หากเงินได้นั้นถึงเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด และเงินได้นั้นไม่เข้าข่ายที่ได้รับการยกเว้นภาษี ล้วนมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

  2. ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ประกอบไปด้วยบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ตามกฎหมายถือเป็นหน่วยภาษีแยกต่างหากจากบุคคลธรรมดาผู้เป็นหุ้นส่วน ต่างกันตรงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง คือ ห้างหุ้นส่วนสามัญมุ่งค้าหากำไร จากการประกอบกิจการ แต่คณะบุคคลมิได้มุ่งค้าหากำไร

  3. ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษีหมายถึงบุคคลธรรมดาที่มีเงินได้พึงประเมินและได้เสียชีวิตระหว่างปีภาษี การยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในกรณีนี้ ให้ยื่นในนามผู้ที่เสียชีวิตระหว่างปีภาษี

  4. กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งกรณีที่บุคคลธรรมดาได้เสียชีวิตโดยมีทรัพย์สินที่ยังไม่ได้แบ่งในปีถัดจากปีที่เสียชีวิตและทรัพย์สินนั้นมีเงินได้พึงประเมินเกิดขึ้น เมื่อทรัพย์สินนั้นยังไม่ได้แบ่งให้กับทายาทหรือผู้รับมรดก เงินได้ที่เกิดขึ้นในภายหลังนั้นต้องเสียภาษีในกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง

  5. วิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน หมายถึงกิจการของชุมชนเกี่ยวกับการผลิตสินค้า การให้บริการหรือการอื่น ๆ ที่ดำเนินการโดยคณะบุคคลที่มีวิถีชีวิตและความผูกพันร่วมกัน และรวมตัวกับประกอบกิจกรรมดังกล่าว เพื่อสร้างรายได้และเพื่อการพึ่งพาตนเองของครอบครัวชุมชนและระหว่างชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

เกณฑ์เงินได้พึงประเมินและแบบแสดงรายการที่ต้องยื่นเสียภาษี

money flower
  • ผู้มีเงินได้ตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็นเงินได้ประเภท เงินเดือน ค่าจ้าง ใช้แบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.91 ในการยื่นเสียภาษีประจำปี

    • คนโสดไม่มีสามีหรือภริยา(ตามกฎหมาย)และมีรายได้ในปีที่ผ่านมาเกิน 50,000 บาท
    • ผู้มีเงินได้ที่สมรสแล้ว สามีหรือภริยามีเงินได้พึงประเมินฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายรวมกัน ในปีที่ผ่านมาเกิน 100,000 บาท

  • ผู้มีเงินได้ตามมาตรา 40(2)-(8) ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินที่ไม่ใช่ เงินเดือน ค่าจ้าง ใช้แบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90 หรือผู้ที่มีเงินได้ประเภทเงินเดือน,ค่าจ้างและยังมีเงินได้พึงประเมินตามมาตราอื่นๆ ก็ใช้ ภ.ง.ด.90 ในการยื่นเสียภาษี

    • คนโสดไม่มีสามีหรือภริยา(ตามกฎหมาย)และมีรายได้ในปีที่ผ่านมาเกิน 30,000 บาท
    • ผู้มีเงินได้ที่สมรสแล้ว(สามีหรือภริยามีเงินได้พึงประเมิน)ในปีที่ผ่านมาเกิน 60,000 บาท

  • กองมรดกของผู้ตายที่ยังไม่แบ่งเกิน 30,000 บาท
  • ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลเกิน 30,000 บาท
  • ผู้มีเงินได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี แม้ว่าเมือคำนวณแล้วจะเสียภาษีหรือไม่เสียภาษีก็ตาม
เมื่อมีเงินได้ถึงเกณฑ์ตามกฎหมายกำหนด ควรจะรู้ว่า เราควรเสียภาษีในนามใดและต้องใช้แบบแสดงรายการภาษีอย่างไรให้ถูกต้อง การปฎิบัติไม่ถูกต้องจะทำให้เสียเวลากับการตามแก้ปัญหาในภายหน้า

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ภาพดรออิ้ง-Lady's face

ภาพดรออิ้งใบหน้าของหญิงสาว Drawing of a lady's face

เป็น drawing วาดเส้นบนกระดาษ Watercolour Pad (สำหรับสีน้ำ)แบบ rough 2 sides / 200 gsm.ของ Master Art ด้วยดินสอ HB เป็นรูปใบหน้าหญิงสาว
Drawing of a woman's face

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ภาพดรออิ้งใบหน้าหญิงสาว

ภาพดรออิ้งใบหน้าหญิงสาว Drawing of a lady's face

เดิมป็นภาพที่ร่างไว้นานพอสมควร คาราคาซังไม่เสร็จซักที  ไม่นึกว่ากระดาษจะเป็นจุดแดงเต็มไปหมด ดีว่าเป็นที่ขอบกระดาษมีกระเซ็นเข้ามาที่หน้าเธอบ้าง เลยต้องรีบๆ วาดเก็บรายละเอียดให้เสร็จๆ แล้วรีบ scan จากนั้นจัดด้วย Photoshop นิดๆ หน่อย กลายเป็นภาพดรออิ้งผสมดิจิตอลเทคนิคไป

Drawing of a lady's face-Masha

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การใช้ SUMIF, SUMIFS รวมข้อมูลแบบมีเงื่อนไขใน excel


ถ้าเปรียบเทียบการทำงานกับถนนทูเวย์
ถนนด้านหนึ่งคือ Vlookup ถนนอีกด้านคือ Sumif ด้วยคุณสมบัติการทำงานที่สวนทางกัน
  • Vlookup = one from many ดึงคำตอบหนึ่งข้อมูล จากแหล่งข้อมูลที่มากมายหลากหลาย
  • Sumif = many to one เป็นการรวมผลลัพท์จากข้อมูลจากหลายๆ ข้อมูล

แล้วเมื่อไรควรใช้ Sumif??

เพราะ Sumif ก็คือการรวมผลลัพท์ โดยกำหนดจากค่าอ้างอิงในฟังก์ชัน เช่น ต้องการหายอดรวมค่ารถโดยสาร จากรายการที่เก็บรวมรวมไว้ทั้งเดือน ดังนั้น sumif จึงเป็นฟังก์ชัน ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เมื่อต้องการรวมผลลัพท์หรือสรุปยอดตัวเลขจากฐานข้อมูลที่มีการบันทึกค่าซ้ำๆ กันมากมาย และสิ่งสำคัญที่จะทำให้ฟังก์ชันอย่าง Sumif เวริ์คสุดๆ คือต้องมีฟิลด์ข้อมูลหลัก ที่มีค่าไม่ซ้ำ (primary key) เพื่อให้สามารถใช้เป็นตัวอ้างอิงให้ดึงค่าจากฐานข้อมูลมารวมให้ถูกต้อง

ไวยากรณ์
SUMIF Function in Excel

=SUMIF (range, criteria, sum_range)

  • range: เซลล์หรือช่วงของเซลล์ที่เป็นโจทย์ เพื่อใช้หาผลรวมของ sum_range
  • criteria: เป็นเงื่อนไขที่ระบุ
  • sum_range: คือช่วงเซลล์ที่ต้องการหาผลรวม
ไวยากรณ์

SUMIFS(sum_range, criteria_range 1, criteria 1 criteria_range 2, criteria 2..)

  • sum_range: เหมือนกับ Sumif คือเซลล์ที่ต้องการหาผลรวม
  • criteria_range: range ที่เป็นเงื่อนไขสำหรับ SUMIFS
  • Sumif สามารถรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างได้เป็นอย่างดี

ตัวอย่างการใช้ SUMIF และ SUMIFS ให้คืนค่าผลรวม iPod ในสต็อค
  • Branch (Column A)คือสาขาสมมุติให้มีสาขา A, B และ C
  • Product (Column B) กับ Mem. (Column C)คือ ประเภทของสินค้าในสต็อคของแต่ละสาขา เช่น สาขา A มีสต็อคอยู่ 3 รายการ, สาขา B และ C มีอยู่ 2 รายการ
  • Qty. (Column D) เป็นจำนวนสต็อคของ iPod
เราจะใช้ตารางโจทย์เป็นฐานข้อมูลเพื่อหาผลลัพท์ในตารางแสดงฟังก์ชัน Sumif,Sumifs

ตาราง1 คือโจทย์ทดสอบฟังก์ชัน Sumif,Sumifs

RowColumn
ABCD
1BranchProductMemQty.
2AiPod touch32 GB.23
3AiPod touch64 GB.12
4AiPod Nano16 GB.10
5BiPod touch32 GB.15
6BiPod Nano16 GB.14
7CiPod Shuffle2 GB.32
8CiPod touch16 GB.11




SUMIFS Function in Excel
ตาราง2 แสดงการใช้ฟังก์ชัน SUMIF กับ SUMIFS
RowColumn
GHI
1หาผลรวมของผลลัพท์การใช้ฟังก์ชัน ใน Column G
2iPod Nano24
=SUMIF(B2:B8,G2,D2:D8)
3iPod touch61
=SUMIF(B2:B8,G4,D2:D8)
4iPod touch 32 GB.38
=SUMIFS(D2:D8,B2:B8,LEFT(G3,10),C2:C8,RIGHT(G3,6))
อธิบายการใช้ฟังก์ชัน Sumif กับ Sumifs ในตารางการใช้ฟังก์ชัน
  1. SUMIF ใช้หาผลรวมที่มีเงื่อนไขเดียว
    1. iPod Nano :
      1. range พื้นที่เซลล์เรนจ์ที่ใช้หาผลรวมของ iPod Nano คือ B2:B8 (จากตาราง1)
      2. criteria เงื่อนไขคือ G2 (จากตาราง2)
      3. sum_range ช่วงเซลล์เรนจ์ที่ต้องการให้คำนวณคือ D2:D8(จากตาราง1)
      4. คำตอบที่ได้คือ (10 +14)ผลลัพท์จึงได้ 24
    2. iPod touch: แทนค่าในฟังก์ชันเหมือนการหาผลรวมสต็อค iPod Nano ทุกอย่างยกเว้นเงื่อนไข(criteria)
      1. ผลลัพท์ได้(D2  +D3 + D5 + D8) หรือ (23 +12 + 15 + 11) = 61

  2. SUMIFS ใช้หาผลรวมที่มีหลายเงื่อนไขมากกว่า Sumif เราจะกำหนดเงื่อนไข 2 ตัว เพื่อหาผลสต็อคของ iPod touch 32 GB.ในตารางที่2
    1. กำหนดให้ Criteria_range1 คือ คอลัมท์ Product (B2:B8) จากตารางที่1
    2. ต้องทำให้ Criteria1 เหมือนกับค่าใน คอลัมท์ Product (B2:B8) ของตารางที่ 1 เราจึงต้องตัดคำในเซลล์ G4(ตารางที่2) โดยใช้  Left(G4,10) จะได้คำว่า iPod touch
    3. Criteria_range2 คือ คอลัมท์ Mem (C2:C8)
    4. หา Criteria2 ด้วยการตัดคำใน  G4(ตารางที่2) โดยใช้ Right(G4,6) คือแทนค่าด้วย Text function  จะได้คำว่า 32 GB.
    5. เมื่อแทนค่าทั้งหมดผลลัพท์จะได้ 38 หน่วยจากสองรายการของตาราง1
จากตัวอย่างจะเห็นว่า criteria ในฟังก์ชัน sumif ไม่จำเป็นต้องเป็นค่าใดค่าหนึ่ง สามารถใช้กับฟังก์ชันแทนที่ลงไปเลยก็ได้แต่ถ้าหากเป็นข้อมูลจำนวนมากๆ การจัดเก็บข้อมูลควรแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ Input sheet, Record sheet และ Output sheet จะทำให้งาน flow ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การขอเงินคืนโครงการรถยนต์คันแรก

โค้งสุดท้ายกับโครงการรถยนต์คันแรก

การยื่นเอกสารขอใช้สิทธิ์รถยนต์คันแรก

  1. การยื่นเอกสารเพื่อขอใช้สิทธิ์และการขอรับสิทธิ์รถยนต์คันแรก ต้องดำเนินการด้วยตนเอง หรือไม่ก็มอบอำนาจให้ผู้อื่นกระทำการแทนได้

  2. เมื่อเอกสารครบสามารถยื่นเอกสารเพื่อขอใช้สิทธิ์ได้ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่/พื้นที่สาขา ทั่วประเทศ

  3. กรมสรรพสามิตจะเริ่มดำเนินการก็ต่อเมื่อผู้ยื่นคำขอใช้สิทธิ์รถยนต์คันแรกมีเอกสารครบถ้วนตามที่ได้มีการกำหนดไว้แล้วเท่านั้น ดังนั้นควรรวบรวมเอกสารให้ครบแล้วไปยื่นดำเนินการขอรับสิทธิ์

  4. หากยังได้รับเอกสารไม่ครบถ้วนก่อนวันสิ้นสุดโครงการฯ ไม่สามารถยื่นเอกสารได้ทันตามกำหนดเวลาก็จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ในโครงการฯ นี้ได้

  5. หากรับมอบรถยนต์แล้ว ไม่นำเอกสารมาส่งเพิ่มเติมภายใน 90 วัน นับถัดจากวันรับมอบรถยนต์ จะถือว่าหมดสิทธิ์ในโครงการรถยนต์คันแรก และจะเรียกร้องสิทธิ์ฯ และค่าเสียหายใด ๆ กับทางราชการไม่ได้

  6. การยื่นเอกสารเพื่อขอใช้สิทธิ์นั้น ต้องทำภายในวันที่ 16 ก.ย. 2554 - 31 ธ.ค. 2555 แต่เอกสารหลักฐานต้องครบถ้วนตามแบบคำขอฯ และไม่จำเป็นต้องรอให้ครอบครองรถไปแล้วมากกว่า 1 ปี


เอกสารที่ต้องใช้ยื่นขอใช้สิทธิ์รถยนต์คันแรก

  1. สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนของผู้ซื้อรถ(ผู้ใช้สิทธิ์รถคันแรก)

  2. หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี ดาวน์โหลดหนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนรถยนต์คันแรก
    • ความหมายของผู้ให้เช่าซื้อ/ผู้ขาย ในหนังสือสละสิทธิ์การโอนฯ คือผู้ที่มีอำนาจลงนามแบ่งเป็นกรณีเช่าซื้อและซื้อเงินสด
      1. กรณีเช่าซื้อ ผู้ลงนามคือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากบริษัทให้สามารถลงนามผูกพันแทนบริษัทได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทผู้ให้เช่าซื้อจะเป็นผู้กำหนด
      2. กรณีซื้อเงินสด ผู้ขาย(โชว์รูม) ไม่ต้องลงนามแต่อย่างใด เพราะกรรมสิทธิ์ได้ตกไปสู่ผู้ซื้อแล้ว
    • กรณีปิดไฟแนนซ์ก่อนยื่นคำขอใช้สิทธิ์ เช่น วันที่ 1 พ.ย. 54 ซื้อรถยนต์โดยวิธีเช่าซื้อ วันที่ 1 ก.พ. 55 นำเงินไปปิดกับผู้ให้เช่าซื้อ (Finance) และโอนกรรมสิทธิ์เป็นของผู้เช่าซื้อ ยื่นคำขอใช้สิทธิ์ วันที่ 1 มี.ค. 55 หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนไม่จำเป็นต้องให้ผู้ให้เช่าซื้อเซ็นต์เนื่องจากกรรมสิทธิ์ได้ตกเป็นของผู้เช่าซื้อแล้ว แต่ผู้เช่าซื้อต้องถือครองรถยนต์ต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 5 ปี
    Pickup

  3. หลักฐานการซื้อขาย หมายถึงเอกสารหลักฐานที่แสดงว่ามีการซื้อขายรถยนต์ เช่น
    • สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าเงินดาวน์ หรือสำเนาใบเสร็จรับเงินชั่วคราว
    • สำเนาใบกำกับสินค้า/ใบกำกับภาษี
    • สำเนาใบเสร็จรับเงินค่างวดงวดแรก หรือสำเนาใบรับเงิน

  4. กรณีเช่าซื้อ
    • ใช้สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าเงินดาวน์มาแสดงเป็นหลักฐานได้
    • สำเนาใบเสร็จรับเงินค่างวดงวดแรกเพื่อเป็นหลักฐานประกอบในการยื่นเอกสารแทน
    เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบหลักฐาน เช่น ชื่อ-นามสกุลของผู้ขอใช้สิทธิ์, ชื่อบริษัทผู้ให้เช่าซื้อ, และเลขที่สัญญาเช่าซื้อให้ตรงกับหลักฐานที่ปรากฎตามสำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ขอใช้สิทธิ์ได้ยื่นมาพร้อมกัน (รายละเอียดของรถยนต์ปกติจะอยู่ในสำเนาสัญญาเช่าซื้อ)

  5. เอกสารใบเสร็จรับเงิน/สัญญาซื้อขาย/สัญญาเช่าซื้อ ให้ใช้เป็นตัวสำเนาไม่จำเป็นต้องใช้ตัวจริงและผู้ซื้อรับรองสำเนาถูกต้อง

  6. หากเอกสารหลักฐานการซื้อขายรถยนต์ ไม่ครบถ้วน (ใบเสร็จรับเงิน/ใบจอง/สัญญาซื้อขาย/เอกสารการรับมอบรถยนต์) จัดการได้ 2 กรณี
    • ซื้อเงินสด-ใช้สำเนาใบเสร็จรับเงินหรือสำเนาซื้อขายและสำเนาเอกสารการรับมอบรถยนต์
    • กรณีเช่าซื้อ-ใช้สำเนาใบเสร็จรับเงินและสำเนาเอกสารการรับมอบรถยนต์

ผู้ที่มีสิทธิ์ซื้อรถในโครงการรถยนต์คันแรก

    People over 21 years old can get right of the first car project
  1. ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป นับจากวันที่เริ่มจองรถ ตามเงื่อนไขการขอใช้สิทธิ์ซึ่งการซื้อนั้นเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ทำสัญญาว่าจะซื้อหรือการจองรถ ดังนั้นหากผู้ยื่นคำขอมีอายุไม่ถึง 21 ปี นับตั้งแต่วันเริ่มจองรถก็จะไม่ได้รับสิทธิ์ในโครงการนี้

  2. ผู้ซื้อที่อายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถใช้สิทธิ์ได้ เนื่องจากไม่ขัดกับเงื่อนไขที่ได้มีการกำหนด

  3. ผู้ที่ไม่ได้เสียภาษีบุคคลธรรมดามีสิทธิ์ในโครงการรถยนต์คันแรกเช่นเกัน เนื่องจากเงื่อนไขในแบบคำขอใช้สิทธิ์ไม่ได้กำหนดไว้

  4. ชาวต่างชาติที่ไม่มีบัตรประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ เพราะการเข้าร่วมโครงการฯ ได้หรือไม่นั้นต้องใช้เอกสารบัตรประชาชนเป็นหลักฐานในการอ้างอิงด้วย

  5. ผู้สนใจเข้าโครงการรถยนต์คันแรกสามารถตรวจสอบสิทธิ์ โดยการสอบถามไปยังกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีข้อมูลการครอบครองรถยนต์

  6. หากผู้ซื้อเป็นกรรมการบริษัท/สหกรณ์จะยังคงสามารถใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯได้ หากว่าผู้ขอใช้สิทธิ์ฯโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่เคยครอบครองรถยนต์มาก่อน

  7. สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสหากคนใดคนหนึ่งเคยครอบครองรถมาแล้ว ในกรณีนี้ถ้าผู้ซื้อและขอใช้สิทธิ์ฯยังไม่เคยมีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถยนต์กับทางกรมการขนส่งทางบกก็สามารถใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการนี้ได้ เนื่องจากการใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และวัตถุประสงค์หลักของโครงการตามนโยบายของรัฐบาล คือการช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ไม่เคยครอบครองรถมาก่อน

  8. การทำสัญญากู้ร่วมสามารถทำได้ แต่หากผู้กู้ร่วมเคยมีชื่อครอบครองรถมาก่อนแล้ว การกู้ร่วมไม่สามารถทำได้เนื่องจากการกู้ร่วมนั้นจะถือว่าบุคคลที่มีชื่ออยู่ในสัญญาเป็นผู้ครอบครองรถด้วย แต่ในกรณีการค้ำประกันนั้นสามารถทำได้แม้ผู้ค้ำประกันจะเคยครอบครองรถมาก่อนก็ตาม

  9. บริษัท/ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ เนื่องจากเงื่อนไขกำหนดเฉพาะบุคคลที่มีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปเท่านั้น

  10. เคยครอบครองรถก่อนปี 2549 ไม่มีสิทธิ์ เข้าร่วมโครงการฯ เนื่องจากรถที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นรถคันแรกของผู้ซื้อเท่านั้น

  11. โครงการนี้เป็นการจ่ายเงินตามสิทธิ์โดยถือจำนวนตามค่าภาษีสรรพสามิตตามที่จ่ายจริงสำหรับรถยนต์ใหม่คันแรกเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากซื้อรถมือสองก็จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้

  12. โชว์รูมขายรถยนต์ใหม่ให้แก่บริษัทผู้ให้เช่าซื้อ (Finance) ต่อมาบริษัทผู้ให้เช่าซื้อขายรถยนต์คันดังกล่าวต่อให้แก่ผู้เช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกเนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวที่ซื้อจากบริษัทผู้ให้เช่าซื้อไม่ถือว่าเป็นรถยนต์ใหม่คันแรก

  13. โครงการนี้ไม่มีการกำหนดจำนวนของรถที่จะเข้าโครงการฯ แต่มีการกำหนดระยะเวลาคือตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2554 – 31 ธ.ค. 2555

  14. ผู้ที่ใช้สิทธิ์ในโครงการรถยนต์คันแรกแล้ว จะยังคงมีสิทธิ์ในโครงการบ้านหลังแรก เพราะโครงการทั้งสองเป็นโครงการที่แยกจากกัน โดยมีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือให้โอกาสแก่ประชาชน ดังนั้น หากแม้เข้าร่วมในโครงการใดโครงการหนึ่งก็ยังสามารถเข้าร่วมอีกโครงการหนึ่งได้

  15. ข้อมูลสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ที่ต้องการเข้าร่วมในโครงการรถยนต์คันแรกสามารถตรวจสอบรายละเอียดเงื่อนไขในการขอใช้สิทธิ์วิธีการดำเนินการ ยี่ห้อ/รุ่นรถยนต์ และจำนวนเงินที่ได้รับได้ผ่านทางเวปไซต์ของกรมสรรพาสามิตในโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก http://www.excise.go.th

เรื่องอื่นๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับรถยนต์คันแรก

City Car
  1. เกณฑ์รถยนต์คันแรก คือ รถยนต์นั่งกระบอกสูบไม่เกิน 1500 CC หรือ รถกระบะ Pickup / กระบะสี่ประตู Double Cab (รถกระบะไม่จำกัด CC)

  2. เงื่อนไขการขอใช้สิทธิ์รถยนต์คันแรก ต้องเป็นรถยนต์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท/คัน จากราคาขายปลีกไม่รวมดอกเบี้ยที่เกิดจากการเช่าซื้อ

  3. รถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการได้ต้องเป็นรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศเท่านั้น ดังนั้นรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นที่ได้รับการช่วยเหลือด้านภาษีนำเข้าเพื่อทดแทนรถยนต์น้ำท่วม ตามมติคณะรัฐมนตรี ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการรถยนต์คันแรกได้

  4. กรณีของรถยนต์น้ำท่วมที่เป็นการเช่าซื้อและยังผ่อนชำระยังไม่ครบ/ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ สามารถลงทะเบียนและขอใช้สิทธิ์ซื้อรถยนต์ใหม่ได้ แต่แจ้งหยุดใช้รถยนต์ตลอดไปเนื่องจากถูกน้ำท่วมที่กรมการขนส่งทางบกหรือขนส่งจังหวัด และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง (Finance) ต้องเป็นผู้แจ้ง

  5. สำหรับเงื่อนไขโครงการนี้ คือผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี เว้นแต่กรณีเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ที่กระทรวงการคลังประกาศกำหนด ไม่ได้หมายถึงต้องผ่อนชำระกับทางผู้ให้เช่าซื้อเป็นเวลา 5 ปี จะสามารถผ่อนชำระนาน/สั้นกว่า 5 ปีได้ เพราะการผ่อนชำระเป็นสิทธิ์ตามแต่ที่ได้มีการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ให้เช่าซื้อ

  6. ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ก่อนครบกำหนดระยะเวลา 5 ปี ตามมาตรการรถยนต์คันแรก และมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วม ข้อ 1.8 หมายถึงการเปลี่ยนแปลงบริษัทที่เช่าซื้อ (Refinance)

  7. กรณีซื้อรถยนต์เป็นเงินสด ต่อมานำรถคันดังกล่าวไปทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทไฟแนนซ์ สิทธิ์ในโครงการรถยนต์คันแรกไม่สูญเสียไป หากการทำสัญญาเช่าซื้อนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ครอบครองรถยนต์

  8. โครงการนี้เป็นการจ่ายเงินตามสิทธิ์โดยถือจำนวนตามค่าภาษีสรรพสามิตตามที่จ่ายจริง ซึ่งรถแต่ละชนิดเสียภาษีสรรพสามิตในอัตราที่ต่างกัน และแต่ละรุ่นมีการยื่นแบบชำระภาษีเป็นจำนวนเงินไม่เท่ากัน และนั่นก็เป็นเหตุให้รถแต่ละชนิดได้รับเงินจากการใช้สิทธิ์ไม่เท่ากัน

  9. หากต้องการขอยกเลิกการใช้สิทธิ์ต้องทำเป็นหนังสือขอยกเลิกอย่างเป็นทางการ
Credit: ข้อมูลการตอบคำถามจากเวปไซต์ของกรมสรรพาสามิตในโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ศูนย์ประสานงานการขอใช้สิทธิ์ฯและสำนักงานสรรพสามิตทั่วประเทศ https://firstcar.excise.go.th สายด่วน 1713 หรือ 0-2241-5600-19 ต่อ 54001-54005 วันจันทร์ - ศุกร์ ในเวลาราชการ

การใช้ Hlookup หลายเงื่อนไขแทนฟังก์ชัน IF

Hlookup ทำงานกับหลายๆเงื่อนไข


การทำงานของ Hlookup กับ Vlookup เหมือนกัน แทบทุกอย่างแตกต่างที่วิธีใช้งานที่ค้นหาข้อมูล

Hlookup คือค้นหาแบบแนวนอน (Horizontal)

กับ Vlookup เป็นการค้นหาจากแนวตั้งหรือคอลัมท์ (Vertical) ซึ่งทั้งสองฟังก์ชันต่างก็เลือกคำตอบได้ 2 แบบ คือคำตอบที่ตรงกันพอดี (exact) และ คำตอบโดยประมาณ (omitted)
ข้อแตกต่างของ Hlookup กับ Vlookupหลักๆ ในฟังก์ชัน คือ row กับ column

  • HLOOKUP(lookup_value,table_array,row_index_num,range_lookup)

  • VLOOKUP(lookup_value,table_array,col_index_num,range_lookup)

Target Sales Table for using Hlookup

ตัวกำหนดให้ฟังก์ชัน Hlookup หรือ Vlookup คืนค่าผลลัพท์คือ Range_lookup ซึ่งแบ่งออกตามนี้
  • ถ้า range_lookup เป็น TRUE หรือไม่ใส่ค่าอะไรไว้ ฟังก์ชัน Hlookup จะคืนค่าที่ตรงกัน หรือถ้าไม่พบก็จะคืนค่าถัดไปที่มากที่สุด แต่น้อยกว่า Lookup_value
  • ถ้า range_lookup เป็น False, ฟังก์ชัน Hlookup จะคืนค่าที่ตรงกันเท่านั้น

RowColumn(ตารางที่ 1)
ABCD E F G
1 เป้าขั้นบันได1
7
31
101
301
501
2
อัตราค่าคอม.
4.0%4.5%5.0%6.0%7.0%8.5%

ตารางที่ 1- เป็นอัตราเป้าขายแบบก้าวหน้าหรือแบบขั้นบันได เพื่อจะใช้ฟังก์ชั่น Hlookup ทดสอบจึงจัดไว้เป็นตารางแนวนอน รายละเอียดต่างๆ มีดังนี้
  • B1 ถึง G1 เป็นเป้าขายอัตราก้าวหน้า (ตย. Rate เริ่มตั้งแต่ 1 หน่วยและสูงสุด 6 หน่วย, Rate 2 เริ่มตั้งแต่ 7 หน่วย และ ถัดไปเริ่มต้นที่ 31 หน่วย เป็นต้น)
  • B2 ถึง G2 เป็นอัตราค่าคอมมิชชั่น (ตย. ยอดขายที่ 20 จะได้ 4.5% เพราะอยู่ในช่วง 7-30)
  • ดังนั้น table_array คือ B1:G2 และหา Com.Rate ของ Saleman โดยคิดจากยอดขาย

  • ตารางที่ 2- Column C เป็นผลลัพท์ของการใช้ฟังก์ชั่น Hlookup แบบหลายเงื่อนไข
  • Column D แสดงการใช้ฟังก์ชั่น Hlookup คอลัมท์ D
RowColumn(ตารางที่ 2) 
ABCD
4 SalesmanยอดขายCom.RateFormula
5 Adrian5119%=HLOOKUP($5,$B$1:$G$2,2)
6 Allan1206%=HLOOKUP($6,$B$1:$G$2,2)
7 Benny905%=HLOOKUP($7,$B$1:$G$2,2)
8 Calvin64%=HLOOKUP($8,$B$1:$G$2,2)
9 Tanaka2126%=HLOOKUP($9,$B$1:$G$2,2)
10 Tom385%=HLOOKUP($10,$B$1:$G$2,2)
11 Yuta3027%=HLOOKUP($11,$B$1:$G$2,2)

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การใช้ IF กับ INT หาเงินทอนแบบแยกแบงค์แยกเหรียญ

การใช้ฟังก์ชัน IF กับ INT คำนวณเงินทอนหรือแลกเงินด้วยจำนวนธนบัตรและเหรียญเท่าที่จำเป็น





เรื่องใกล้ตัวที่บางครั้งก็ลืม อย่างการทอนเงินลูกค้า ซึ่งปัญหาที่แคชเชียร์มักเจอกันบ่อยๆ คือ ทอนเงินเกิน,ทอนผิด เพราะวันๆ ก็จับแต่เงินคนอื่น แต่พอหายขึ้นมากลับกลายเป็นเงินของเราเองซะงั้น
จากตัวอย่างรูป Figure A เป็นการ
หาเงินทอนแยกแบงค์แยกเหรียญ ด้วยโจทย์ดังนี้
  • ยอดรับเงิน 2,000 (เซลล์ C2)
  • หักค่าสินค้า 1,067.50 (เซลล์ D2)
  • เหลือเงินที่ต้องทอนให้ลูกค้า 932.75 (เซลล์ E2)

Figure A-calculate give change at least coins and bills needed
Figure A
จุดประสงค์ของการคำนวณเงินทอนก็เพื่อใช้คัดแยกเหรียญและธนบัตรให้เหลือจำนวนที่น้อยที่สุดในการทอนเงินแต่ละครั้ง ดังนั้นสูตรที่ใช้จึงเกี่ยวพันกันทุกประเภทเหรียญ/ธนบัตร และเนื่องจากหน่วยเงิน 1000 บาท เป็นรายการสุดท้ายของตาราง ดังนั้นสูตรชุดนี้จึงเหมือนกับรันย้อนขึ้นจากด้านล่าง

ฟังก์ชันที่ใช้กับตารางนี้มี 2 ฟังก์ชัน
  1. ฟังก์ชัน IF กำหนดเงื่อนไข
  2. ฟังก์ชัน INT ปัดเศษทศนิยมออก ไวยากรณ์ INT คือ INT(number)
Logic การใช้ IF ของสูตรชุดนี้ คือ ถ้าเงินที่ต้องทอนหักหน่วยเงินแล้วมากกว่า, เป็นจริง-ใช้ INT ปัดเศษผลลัพท์ จากเงินทอนรวม หักหน่วยเงินที่ใหญ่กว่า แล้วจึงคูณหน่วยเงิน ,ไม่จริง-เป็นศูนย์

RowColumn
B
C
D
E
F
1
รับเงิน
ค่าสินค้า
เงินทอน
2
2,000.00
1,067.25
932.75
    ส่วนต่างๆ ของตารางแสดงสูตร โดยตำแหน่งคอลัมท์และแถวที่ใช้ (กำหนดจาก FigureA)
  1. หน่วยเงิน (column C)แยกประเภทของเหรียญและธนบัตร เช่น เหรียญ 25 สตางค์, เหรียญ 5 บาท, ธนบัตรใบละ 50 บาท, ธนบัตรใบละ 100 บาท เป็นต้น
  2. สูตรในคอลัมท์เงินทอน แสดงการใช้ฟังก์ชัน ของ column E
  3. เงินทอน/บาท(column E) แสดงผลลัพท์ที่คำนวณได้
B C E F
3 หน่วยเงิน สูตรในคอลัมท์เงินทอน เงินทอน/
บาท
จำนวน
4 สต. 0.25 =IF($E$2-$E5>$C4,INT(($E$2-SUM($E5:$E$14))/C4)*$C4,0) 0.25 1
5 สต. 0.50 =IF($E$2-$E6>$C5,INT(($E$2-SUM($E6:$E$14))/C5)*$C5,0) 0.50 1
6 บาท 1 =IF($E$2-$E7>$C6,INT(($E$2-SUM($E7:$E$13))/C6)*$C6,0) 0
7 บาท 2 =IF($E$2-$E8>$C7,INT(($E$2-SUM($E7:$E$14))/C7*$C7,0) 2 1
8 บาท 5 =IF($E$2-$E9>$C8,INT(($E$2-SUM($E9:$E$14))/C8)*$C8,0) 0
9 บาท 10 =IF($E$2-$E10>$C9,INT(($E$2-SUM($E10:$E$14))/C9)*$C9,0) 10 1
10 บาท 20 =IF($E$2-$E11>$C10,INT(($E$2-SUM($E11:$E$14))/C10)*$C10,0) 20 1
11 บาท 50 =IF($E$2-$E12>$C11,INT(($E$2-SUM($E12:$E$14))/C11)*$C11,0) 0
12 บาท 100 =IF($E$2-$E13>$C12,INT(($E$2-SUM($E13:$E$14))/C12)*$C12,0) 400 4
13 บาท 500 =IF($E$2-$E14>$C13,INT(($E$2-SUM($E14:$E$14))/C13)*$C13,0) 500 1
14 บาท 1000 =IF($E$2>$C14,INT($E$2/$C14)*$C14,0) 0
15 รวมเงินทอน 932.75 10
จากภาพ Figure A และตารางตัวอย่าง
column F เป็นผลคำนวณหาจำนวนเหรียญ/ธนบัตร ที่ต้องทอนให้กับลูกค้า ในขณะที่ column E เป็นการคำนวณหาเงินทอนตามมูลค่าของเหรียญ/ธนบัตร ความแตกต่างของสองคอลัมท์นี้ มีเพียงแค่ตัวคูณของหน่วยเงินเท่านั้น คือ ตัวคูณมูลค่าของเหรียญหรือ ธนบัตร (ในที่นี้คือ คอลัมท์ C)
หมายเหตุ
  • ในเซลล์ E4 : =IF(E2-E5>C4,INT((E2-SUM(E5:E14))/C4)*C4,0)
  • ในเซลล์ F4 : =IF(E2-E5>C4,INT((E2-SUM(E5:E14))/C4),0)
  • ในคอลัมท์ C ที่เป็นค่าของเหรียญหรือธนบัตร หากใช้ custom format cells เราสามารถใส่หน่วย "สต." หรือ "บาท" ได้พร้อมทั้งแทนค่าในสูตรด้วยได้เลย โดยไม่ต้องแยกหน่วยที่คอลัมท์ B
  • ตารางที่แสดงด้านล่างได้เพิ่มหน่วยเงิน 2 บาทเข้าไป