Search

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

ฟ้าพิสูจน์คน-คนลำบากอาจเพราะฟ้ากำลังพิสูจน์

อย่าหวั่น อย่าไหว เมื่อใครเขาด่าอย่าเหนื่อย อย่าล้า เมื่อโลกไม่เห็น
อย่าหยุด อย่าพัก ถ้ารัก จะเป็น อย่า ใจเสาะเต้น แม้เกือบวางวาย
เรา ทุกคน มี ศักยภาพ ปัญญา เปล่งปลาบ ดั่งตะวันฉาย
อาจเหนื่อยหนักหนา แทบ ประดาตาย เถอะ วันสบาย จะต้อง มีมา
พระโพธิสัตว์ ก่อน ตรัสรู้ พญา มารหมู่ มาขัดขวางหนา
เพียงพระองค์ เดียวเด็ด เดี่ยวเอกาก็ยังปราบดา พิชิต เอาชัย
ที่ใด มีทุกข์ ที่นั่น มีทางเมื่อเมฆหมอกจาง ตะวัน จะใส
ขอเพียง มุ่งมั่น บากบั่น สู้ไปแล้ววัน มีชัย จะเป็น ของเธอ
จากกวีนิพนธ์ของท่าน ว.วชริเมธี
  กวีนิพนธ์บทนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากชีวประวัติผู้ก่อตั้ง แอปเปิล อิงค์ สตีฟ จ็อปส์ 21/6/2554 สนามบินออสโล นอร์เวย์

บทกวีของท่าน ว.วชิรเมธี นี้ให้กำลังใจ ให้สติได้ทุกบทจริงๆ กวีนิพนธ์บทนี้ เหมือนรวบรวมประเด็นสำคัญ ในชีวิตของ สตีฟ จ็อปส์ ไว้ทั้งหมดเลย

แต่บทนี้อ่านแล้วชอบเป็นพิเศษ เพราะรู้สึกกำลังใจมันกลับมาอย่างรุนแรง แล้วนึกย้อนถึงความกระตือรือร้น ความมั่นใจ ความถึก ที่มีตอนเริ่มต้นโครงการใหม่ๆ หลังจากที่ ไฟในการทำงานอาจจะพัก หรือมอดไปบ้าง ระหว่างทางที่ผ่านมา เพราะอุปสรรคหลายๆ อย่าง ก่อนที่ทุกสิ่งจะเป็นอย่างที่หวัง เราต้องเรียนรู้มากขึ้นในการจะขึ้นบันไดในแต่ละขั้น บางครั้งเราอาจต้องซ่อมแซมบันไดขั้นบนก่อนที่ก้าวผ่านไปได้

อันที่จริงถ้าลองคิดแบบง่ายๆ การจะก้าวขึ้นบันไดชีวิตแต่ละขั้น ก็เหมือน การเรียนหนังสือของเราในวัยเด็ก การจะขึ้นชั้น ประถม 1 ไปชั้น ประถม 2 ทุกคนต้องผ่านการเรียน ทำการบ้าน ฝึกความประพฤติให้เหมาะสม และต้องผ่านการสอบไล่ซะก่อน

go up to the mountain
“ฟ้าพิสูจน์คน” เคยได้ยินผู้ใหญ่พูดถึงคำนี้ให้ฟัง

ฟ้าหมายถึงธรรมชาติ คนเราต้องอยู่กับธรรมชาติ ดังนั้นการจะอยู่กับธรรมชาติได้ ต้องเรียนรู้ถึง ความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ
เพื่อพิสูจน์ว่า เป็นคนที่ ธรรมชาติไม่อาจทอดทิ้ง

บางคนที่ท้อแท้ และท้อถอย อาจคิดว่า ถ้าวันนี้นอนหลับซะ แล้วไม่ต้องตื่นในวันรุ่งขึ้น ก็คงจะดี แต่ลองคิดดูว่า วันรุ่งขึ้นอาจเป็นวันที่เปลี่ยนทุกสิ่ง ทุกอย่างในชีวิต เพราะเป็นวันที่ "ฟ้า" ได้สรุปบทพิสูจน์แล้วว่า "สอบผ่าน" ก็ช่างน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่า เรายังไม่ได้รู้สึกอิ่มเอมถึงชัยชนะที่มาถึง เพียงเพราะเราด่วนใจร้อน และ ถอดใจซะก่อน

แล้วถ้าวันนี้ ใครสักคนที่รู้สึกว่า ชีวิตอยู่ในภาวะติดลบ ซึ่งอาจเป็น เรื่องเงิน เรื่องครอบครัว เรื่องงาน หรืออื่นๆ อาจเป็นไปได้ว่า "ฟ้ากำลังพิสูจน์"

และ เมื่อใครก็ตามที่ได้เคย ยืนหยัดอยู่ในภาวะ ติดลบสิบ มาแล้ว ประสบการณ์ จะทำให้เกิดการเรียนรู้ ที่จะหลีกเลี่ยงหนทางหรือ สาเหตุที่ทำให้ เข้าสู่ภาวะติดลบ และ ก็เชื่อได้ว่าวันใดวันหนึ่ง ในอนาคต หากต้องโคจรมาพบกับ ภาวะติดลบห้า ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่จะรู้สึกว่าชีวิตไม่ได้ยาก อย่างที่เคยพบเจอ และ อยู่ได้อย่างที่คนอื่นๆ คิดว่ายากเย็น

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

ใช้ชีวิตในความศิวิไลซ์

Kao Wong Pra Chan, Lopburi
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีงานที่ลพบุรีต้องรีบตีรถออกแต่เช้ามืด ฟ้าก็มืดจริงๆ ช่วงฤดูหนาวปลายปีเวลากลางคืนยาวนานกว่าตอนกลางปี แต่จริงๆ ไม่อยากเรียกว่าหน้าหนาวเลย เพราะอากาศแปรปรวนสุดๆ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น แถมมีฝนบางระยะอีก
อากาศในต่างจังหวัดดีกว่ากรุงเทพฯ อยู่มาก อาจเพราะความศิวิไลซ์สุดโต่ง ทำให้อากาศในกรุงเทพมันเสียไปแล้ว การได้ไปทำงานต่างจังหวัดก็เหมือนกับการทำงานและชาร์จแบตพร้อมกัน  แต่จะดีมากถ้าหายตัวได้เพราะไม่ต้องขับรถให้เหนื่อย
1000 steps of Kao Wong Pra Chan at Lopburi Province

เส้นทางหลักที่ใช้ออกจากกรุงเทพฯ คือทางโทลเวย์นี่แหล่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ ค่าโทลเวย์มันจะแพงไปไหน พื้นถนนบนนั้นก็ไม่ได้เรียบดีเด่นอะไรสักเท่าไรเลย มีดีอย่างเดียวที่รถไม่มาก(ไม่เหมือนช่วงน้ำท่วม ติดซะ ห้าชั่วโมง)
จากโทลเวย์ก็ตรงเข้าสายเอเชีย ไปบางปะหันแล้วเข้าแยกเจ้าปลูก เส้นนี้เป็นทูเวย์แล้วก็คดเคี้ยวได้สุดใจจริงๆ นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเส้นทางใกล้สุดจะไม่วิ่งเลยทางสายนี้ มีเสียก็มีดีตรงที่รถไม่เยอะ ถนนโล่งขับรถไปชมวิวไป
ทางสายนี้เป็นเส้นทางน้ำไหลผ่าน บางหมู่บ้านเคยเป็น หมู่บ้านแก้มลิงมาแล้วจึงมีถนนเสียหายบางช่วง แต่ตอนที่ไปเขาใช้หินกรวดเททับไว้พอวิ่งได้อยู่ แต่ไม่ควรเร็วเกิน 20 ปลอดภัยสุด อนาคตน่าจะวิ่งได้ปกติ (จะว่าไปก่อนจะมีถนนเสียหายเพราะน้ำท่วม พื้นถนนเรียบกว่ากรุงเทพฯนะ)
พบคนที่ลพบุรี หลายๆ คนนะที่น้ำท่วมซ้ำไปซ้ำมาแล้วหลายครั้ง ซ่อมบ้านมาก็หลายหน แต่เขาดูไม่ท้อเลย ถามว่าพี่รู้สึกยังไง เขาก็ตอบว่า”มันช่วยไม่ได้ อยู่ที่ไหนก็ต้องมีเรื่องให้ทน” เออก็เห็นจะจริงนะ อยู่ที่ไหนก็มีเรื่องให้ทนกันทั้งนั้น เรื่องที่ทำให้ต้องทน มีอยู่ทั่วไปจริงๆ นะแหล่ะ

BTS skytrain in Bangkok one of new civilization
อย่างที่เห็นๆกัน คนกรุงเทพฯนี่ชีวิตมันรีบเร่งทุกอย่าง พ่อแม่ขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนกินข้าวกันในรถเลยเขียว รถติดตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยังไม่สว่างเลย มองไปบนรถไฟฟ้าก็มีผู้โดยสารรอกันแล้ว คิดดูว่าชีวิตเด็กๆ ยุคศิวิไลซ์ นี่ต้องตื่นกันแต่กี่โมง ฝึกเรื่องความอึดถึกทน กันแต่เด็กเลย
เพื่อนที่เป็นคนสกลนคร เคยเล่าให้ฟังว่า ชีวิตตอนมันเป็นเด็กลำบาก เพราะครอบครัวจนมาก แต่ละวันๆ ได้กินแต่ปลาปิ้ง ปลาย่าง ฟังแล้วก็คิดในใจว่า ดีนะเนี่ยที่มันอยู่ต่างจังหวัด ยังมีปลาให้กิน ถ้าอยู่กรุงเทพฯ มันคงต้องกินมาม่าอย่างเดียว

แต่จะว่าไปการใช้ชีวิตในความศิวิไลซ์แห่งกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร ก็มีข้อดีหลายอย่างเช่น สิ่งอำนวยความสะดวกครบซะทุกอย่าง ถนนหนทางที่มากมาย (อาจมีแนวโลกพระจันทร์บ้าง), รถโดยสารหลายประเภท, เรือโดยสาร, รถไฟฟ้าทั้งบนดินใต้ดิน ทำให้เดินทางไปได้ไกลและเร็วกว่า, อินเตอร์เน็ต หรือ Wifi ที่ทำให้เราเลือกรับข่าวสารหรือจับจ่ายซื้อสินค้า คุยกับเพื่อน ชนิดที่เรียกว่าได้ในทันที, ห้างสรรพสินค้ามากมาย จะเลือกซื้อ หรือตรวจสอบราคา ก็มีตัวเลือกให้ได้ดั่งใจ ฯลฯ  มีชีวิตมีความเพรียบพร้อมและสุขสบายมากขึ้น เรียกได้ว่ามีทุกอย่าง
สิงที่ความศิวิไลซ์ไม่มีก็คงเป็นความไม่มีทั้งหลาย เช่น ไม่มีโจรเต็มเมือง, ไม่มีการข่มขืน, ไม่มีหนี้บานเบอะ, ไม่ต้องอิจฉาใคร, ไม่มีคอรัปชั่น, ไม่มีการฆาตกรรม, ไม่มีสงคราม, ไม่มีค่าครองชีพที่สูงลิ่ว ไม่ต้องเผชิญกับโรคร้ายที่เพิ่มมากขึ้น ชีวิตก็ง่ายเหมือนกันไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องดิ้นรนจนเกินไป ฯลฯ

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

ภาพดรออิ้ง My Drawing -Tom Cruise

Thomas Cruise Mapother IV (เกิด 3 กรกฎาคม 1962) ชื่อที่รู้จักกันดีคือทอมครูซ เป็นทั้งนักแสดงและโปรดิวเซอร์ เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 3 รางวัล และ ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ อีก 3 รางวัล เป็นนักแสดงที่ดูเป็น ฮีโร่ มากๆ โดยเฉพาะจากหนังเรื่อง Mission Impossible

ภาพวาดดินสอบนกระดาษวาดเขียนวีนัส
My drawing-Tom Cruise