- ถ้าให้ตอบตามความคิดส่วนตัว คือ ไม่ใช่เลย
กับคำถามที่ว่าการซื้อประกันชีวิตเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดใช่หรือไม่?
แต่การประกันชีวิตมีคุณสมบัติหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดขายกว่าการลงทุนอื่นๆ ตรงที่มีการคุ้มครองความเสี่ยง
ซึ่งถ้าผู้ซื้อประกันเกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้น ขณะที่ยังชำระค่างวดประกันไม่ครบ ทายาทที่อยู่ด้านหลัง ก็ยังได้รับเงินทุนประกันตามกรมธรรม์
และในขณะเดียวกันการซื้อประกันก็สามารถนำเบี้ยที่ชำระทุนประกันมาลดหย่อนภาษีในปีนั้นๆ ได้อีกด้วย
แบบประกันที่นำมาหักลดหย่อนภาษีได้มีอยู่ 2 แบบหลักๆ ซึ่งกฏหมายกำหนดไว้ไม่เท่ากัน
- ประกันแบบสะสมทรัพย์ และอายุสัญญามากกว่า 10 ปี กฏหมายอนุญาตให้หักได้ไม่เกิน 100,000 บาท
ลักษณะของการประกันแบบสะสมทรัพย์นั้น มีลักษณะคล้ายการฝากเงินกับธนาคาร แต่วัตถุประสงค์หลักของการประกันชีวิตยังคงเป็น การคุ้มครองชีวิต ดังนั้นหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นแก่ผู้เอาประกันจนถึงแก่ชีวิต คนข้างหลังจะได้รับเงินชดเชยและเงินปันผล
สมมุติว่า นาย ก. ได้ซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์ทุนประกัน 1,000,000 บาท และต่อมานาย ก. ได้เสียชีวิตโดยที่เบี้ยประกันจ่ายไปเพียง 1 ปี เท่านั้น ทายาทหรือผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินชดเชยจากทุนประกัน 1,000,000 บาท แต่ถ้า นาย ก. มีชีวิตครบสัญญา นาย ก. ก็จะได้รับเงินประกันคืนเต็มจำนวนพร้อมผลตอบแทนจำนวนหนึ่ง - ประกันประเภท บำนาญ
กฏหมายอนุญาติให้หักได้ไม่เกิน 200,000 บาท
ลักษณะของการประกันแบบบำนาญนั้นผู้ซื้อประกันจะต้องชำระค่าเบี้ยประกันจนครบอายุของผู้เอาประกัน ซึ่งอาจจะครบอายุ 55 หรือ 60 ปีแล้วแต่สัญญา หลังจากนี้แล้วจะได้รับเงินเป็นงวดเท่าๆ กัน ไปจนกว่าจะครบอายุสัญญาหรือผู้เอาประกันเสียชีวิต
หรือกรณีที่ผู้เอาประกัน เสียชีวิตก่อนครบครบอายุสัญญา ทายาทหรือผู้รับผลประโยชน์ จะได้ เงิน มูลค่าปัจจุบัน ของจำนวนเงินบำนาญ
ประกันแบบบำนาญนี้เมื่ออายุของผู้เอาประกันครบ 55 หรือ 60 ปีแล้ว จึงจะได้เงินบำนาญ แต่ในช่วงรับเงินบำนาญจะไม่มีการคุ้มครองในส่วนของการเสียชีวิตอีก
Credit:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น