Auto Running Numbers ด้วย ฟังก์ชัน MAX
Running Number หรือ การเรียงอันดับ
ที่ไม่ประสงค์จะเรียงทุกแถว (ROW) สามารถใช้ Function Max ร่วมกับ IF จะสะดวกมากขึ้น
โดยที่สูตร MAX จำเป็นต้องใส่ $ เพื่อล็อคคอลัมภ์
ที่ไม่ประสงค์จะเรียงทุกแถว (ROW) สามารถใช้ Function Max ร่วมกับ IF จะสะดวกมากขึ้น
โดยที่สูตร MAX จำเป็นต้องใส่ $ เพื่อล็อคคอลัมภ์
ตัวอย่าง 1
=IF( $C3=$I$2,MAX($B$2:$B2)+1,0) |
- ต้องการเรียงอันดับ 123... .ในคอลัมภ์ B เฉพาะสินค้าประเภท Frozen Fruit Type
- ใช้ เซลล์ I2 (Frozen Fruit) เป็นเซลล์กำหนดเงื่อนไข เปรียบเทียบกับข้อมูลของคอลัมภ์ C ในตาราง โดยใช้ Function IF
- ถ้าเซลส์ C3 = เซลล์ I2 ให้สูตร Max หาค่าสูงสุดของเซลล์ก่อนหน้า แล้วบวก 1
- ผลลัพท์คือสูตรจะไม่ Running Number สำหรับสินค้าประเภท Frozen Pork- Grill Pork Fore Leg, Marinated Pork
ตัวอย่าง 2
=IF($E3=$I$2,MAX($B$2:$B2)+1,0) |
- ต้องการเรียงอันดับ 123... .ในคอลัมภ์ B เฉพาะสินค้าราคาต่ำกว่า 100
- ใช้ เซลล์ I2 (100) เป็นจุดกำหนดเงื่อนไข เปรียบเทียบกับข้อมูลของคอลัมภ์ E ในตาราง โดยใช้ Function IF
- ถ้าเซลส์ E3 <(น้อยกว่า) เซลล์ I2 ให้สูตร Max หาค่าสูงสุดของเซลล์ก่อนหน้า แล้วบวก 1
- ผลลัพท์คือสูตรจะข้าม Running Number ถ้าราคาสูงกว่า 100 เช่น Cranberry, Lychee Meat
ตัวอย่าง 3
=IF( $F5-$G5<$I$2,MAX($B$2:$B2)+1,0) |
- ต้องการเรียงอันดับ 123... .ในคอลัมภ์ B เฉพาะสินค้าที่ขายได้ต่ำกว่าประมาณการน้อยกว่า 9
- ใช้ เซลล์ I2 (9) เป็นจุดกำหนดเงื่อนไข เปรียบเทียบกับข้อมูลของคอลัมภ์ F และ G ในตาราง โดยใช้ Function IF
- ถ้าผลลัพท์มากกว่า เซลล์ I2 ให้สูตร Max หาค่าสูงสุดของเซลล์ก่อนหน้า แล้วบวก 1
- ผลลัพท์คือสูตรจะข้าม Running Number ถ้าผลต่างมากกว่า 9
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น